แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 – 0 วีแกน แอธเลติก

ชมวีดีโอคลิปไฮไลท์การแข่งขัน คลิ๊กที่นี่
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 67,793 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เวลา 03.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2548
ผู้ตัดสิน อลัน ไวลี่ย์
สองประตูจากรูนี่ย์ ช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตอบกลับคำวิจารณ์ทั้งหลาย
เป็นอีกครั้งที่ปิศาจแดง ได้แรงบันดาลใจจากเวย์น รูนี่ย์ ดาวยิงจอมลุย ทำให้ถล่มวีแกน ได้อย่างสบายและง่ายดายอย่างที่ควรจะเป็นที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด
ชัยชนะ 4-0 ที่น่าประทับใจทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แซงลิเวอร์พูล กลับขึ้นไปเป็นรองจ่าฝูงได้สำเร็จ โดยมีคะแนนตามหลังเชลซี อยู่ 9 คะแนน ปิศาจแดง ต้องทำผลงานแบบนี้ให้ได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามเซอร์ อเล็กซ์ สามารถมองชัยชนะนัดนี้เป็นการประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ แม้ว่าจะเป็นการเอาชนะวีแกน ซึ่งตอนนี้แพ้เกมลีก 5 นัดหลังสุด หลังจากการเริ่มต้นฤดูกาลในพรีเมียร์ชิพอย่างกับเทพนิยายของวีแกน พวกเขาก็ได้เรียนรู้อย่างรวดเร็วถึงความจริงที่โหดร้ายของฟุตบอลลีกระดับสูงสุด
ทีมน้องใหม่ของพรีเมียร์ชิพเป็นทีมหนึ่งที่เปิดเกมรุกมากที่สุดในการมาเยือนสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในฤดูกาลนี้ จะว่าไปแล้วปรัชญาการเล่นฟุตบอลที่น่ายกย่องของพวกเขาน่าจะเป็นข้อเสียซะเอง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นเกมด้วยการสร้างโอกาสทำประตูในทันที บอลยาวจากเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ทำให้สเตฟาน อองโชซ์ กองหลังของวีแกน ตกอยู่ภายใต้ความกดดันตั้งแต่ต้นเกม อดีตเซ็นเตอร์ฮาล์ฟของลิเวอร์พูล สกัดบอลพลาด และรูนี่ย์ รีบเข้าไปเก็บตกในทันทีด้วยการกระดกบอลข้ามหัวอองโชซ์ ถ้าดาวยิงวัย 20 ปี เข้าถึงบอลได้เร็วกว่านี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 3 แล้วก็เป็นได้
แต่โอกาสก็ยังคงมาอีกเรื่อยๆ สโคลส์ ซึ่งกลับมาคืนฟอร์มเก่งอีกครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้โอกาสยิงด้วยลูกวอลเล่ย์อย่างงดงามในนาทีถัดมา ลูกเปิดเข้ากลางของสมิธ จากฝั่งขวาเข้าหัวของไรอัน กิ๊กส์ ที่โหม่งกลับหลังมาให้สโคลส์ ซึ่งยืนอยู่คนเดียวหน้ากรอบเขตโทษจัดการซัดด้วยเท้าขวาทันทีก่อนที่บอลจะตกถึงพื้น แต่ลูกยิงของเขาพุ่งออกข้างเสาไปเพียงนิดเดียว
วีแกน เปิดเกมบุกแลกด้วยตั้งแต่ต้นเกมเช่นกัน อองรี คามาร่า เกือบจะทำให้ทีมของเซอร์ อเล็กซ์ ต้องตกตะลึงเมื่อเขาได้โหม่งลูกเปิดของจิมมี่ บูลลาร์ด แต่บอลพุ่งออกข้างเสาด้านขวาของฟาน เดอร์ ซาร์ ไปไม่กี่นิ้ว
แต่วีแกน ต้องกลับมาตั้งรับอีกครั้งเมื่อปิศาจแดง คิดว่าพวกเขาน่าจะได้ประตูขึ้นนำไปแล้ว ไมค์ พอลลิตต์ ผู้รักษาประตูของวีแกน ปัดบอลออกมาจากลูกวอลเล่ย์เต็มแรงอีกครั้งของสโคลส์ เพียงเพื่อให้ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ปาดบอลเข้าประตูไป กองกลางชาวสก็อตวัย 21 ปี ฉลองลูกยิงรวมทั้งแฟนบอลรอบสนาม ก่อนที่จะเห็นธงของผู้ช่วยผู้ตัดสินยกขึ้นอยู่ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถจะบ่นอะไรได้เพราะเขาล้ำหน้าอยู่จริงๆ
รูนี่ย์ ซึ่งจัดการกับวีแกน อย่างสนุกสนานเป็นอีกคนที่เกือบจะทำประตูได้ เขาแตะบอลหนีตัวประกบก่อนจะหมุนตัวยิงเต็มข้อที่หน้ากรอบเขตโทษ แต่ในช่วงเย็นอันหนาวเหน็บที่เมืองแมนเชสเตอร์ มือของพอลลิตต์ กลับต้องอบอุ่นด้วยการออกแรงปัดบอลอีกครั้ง
รูปแบบการเล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในตอนนี้รวดเร็วและแม่นยำ การจ่ายบอลไหลลื่นและเฉียบคม สิ่งเดียวที่ขาดหายไปซึ่งเกิดขึ้นบ่อยๆ ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็คือประตู
เกมเริ่มเข้าสู่ช่วงเงียบสงบ แต่ก็ถูกปลุกให้ตื่นอีกครั้งหลังจากผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง รูนี่ย์ เปิดบอลเข้ากลางให้ฟาน นิสเตลรอย ได้วอลเล่ย์เต็มๆ แต่พอลลิตต์ ก็ยังปัดออกหลังไปได้ จากลูกเตะมุมของกิ๊กส์ ที่เปิดเข้าไปกลางประตูให้ริโอ เฟอร์ดินานด์ ได้โหม่ง พอลลิตต์ เอื้อมมือไปปัดบอลได้แต่ไม่เพียงพอที่จะหยุดการทำประตูแรกของกองหลังทีมชาติอังกฤษในการลงเล่นนัดที่ 140 ให้กับปิศาจแดง บอลพุ่งเข้าประตูไปทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 30
หลังจากนั้นไม่นาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ทำประตูที่ 2 ได้จากความมุ่งมั่นอย่างอดทนและความสุดยอดของรูนี่ย์ เริ่มจากเฟล็ตเชอร์ ได้บอลก่อนจะไหลกลับหลังไปให้กับดาวยิงจอมลุยที่รออยู่ในกรอบเขตโทษ แม้ว่าในจังหวะแรกจะถูกแม็ตต์ แจ็คสัน กัปตันทีมวีแกน สกัดล้มลง แต่รูนี่ย์ ยังลุยต่อลุกขึ้นมาจิ้มบอลผ่านการสกัดของไลจ์ตัน เบนส์ และซัดเต็มแรงด้วยเท้าซ้ายผ่านมือของพอลลิตต์ เข้าไปตุงตาข่าย ปิศาจแดง นำห่างเป็น 2-0 ในนาทีที่ 35
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องปรับปรุงเรื่องการเล่นด้วยความอดทนโดยเฉพาะการเล่นในบ้าน ซึ่งทีมเยือนมาตั้งรับต่ำและเต็มไปหมดทำให้หงุดหงิดง่าย นอกจากการจ่ายบอลที่ไม่ดีนักในช่วง 10 นาที ถือว่าในครึ่งแรกทำผลงานได้เป็นไปตามแผน
จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำวีแกน อยู่ 2-0
ปิศาจแดง เริ่มต้นครึ่งหลังในแบบเดียวกับที่เล่นในครึ่งแรกโดยการสร้างสรรค์โอกาสได้หลายครั้งแต่ยังทำประตูเพิ่มไม่ได้ รูนี่ย์ น่าจะทำประตูที่ 3 ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเป็นประตูที่ 2 ของตัวเองได้ ลูกเปิดเข้ากลางของแกรี่ เนวิลล์ ไปแฉลบมือของพอลลิตต์ บอลลอยโด่งไปที่เสาสองให้รูนี่ย์ ได้ยิงโล่งๆ ระยะ 4 หลา แต่ลูกยิงของเขาไปชนคาน ในขณะที่ฟาน นิสเตลรอย ก็พลาดโอกาสทำประตูเมื่อได้ยิงจ่อๆ แต่พอลลิตต์ ยังป้องกันเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
แต่จากการช่วยเหลือของดาวยิงดัตช์แมนทำให้รูนี่ย์ แก้ตัวได้สำเร็จในไม่กี่นาทีต่อมา รุด ได้บอลที่กลางสนามจากเฟล็ตเชอร์ โดยหันหลังให้ประตูแล้วเลี้ยงบอลหนีตัวประกบอย่างคล่องแคล่วก่อนที่จะกลับตัวได้และไหลบอลทะลุช่องอย่างสมบูรณ์แบบให้กับรูนี่ย์ ที่วิ่งเติมขึ้นมาแล้วกระชากบอลหลุดเดี่ยวเข้าหาพอลลิตต์ ที่ออกมาปิดมุม เขาทำท่าจะยิงบอลอัดใส่ผู้รักษาประตูของวีแกน แต่ในช่วงสุดท้ายที่เท้าสัมผัสบอลดาวยิงทีมชาติอังกฤษกลับชิพบอลอย่างเหนือชั้นข้ามตัวพอลลิตต์ เข้าไปตุงตาข่ายอย่างสุดยอด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำห่างออกไปเป็น 3-0 ในนาทีที่ 55
มาถึงตอนนี้ วีแกน เล่นกันไม่เป็นทีมทำให้ปิศาจแดง ตัดบอลได้อย่างง่ายดายและเปิดเกมรุกในทุกโอกาส ประตูที่ 4 จะต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกหนีไม่ได้ และหลังจากเกมผ่านไปได้ 70 นาทีมันก็มาถึง
กิ๊กส์ เลี้ยงบอลขึ้นมาแล้วทำชิ่งกับรูนี่ย์ ก่อนที่จะไหลบอลทะลุช่องขึ้นหน้าให้กับฟาน นิสเตลรอย ดาวยิงดัตช์แมนไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งพุ่งล้มแต่เท้าซ้ายของเขาไปติดตัวของพอลลิตต์ ทำให้ล้มลงในกรอบเขตโทษ แม้ว่ารูนี่ย์ จะขอยิงลูกจุดโทษเพื่อทำแฮททริก แต่รุด ทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะคนยิงลูกจุดโทษของทีมโดยยิงเต็มแรงเข้าไปตุงตาข่ายทางซ้ายของพอลลิตต์ ที่พุ่งผิดทางไปทางขวา ถือเป็นประตูที่ 12 ในพรีเมียร์ชิพจากการลงเล่น 15 นัดของเขา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำเป็น 4-0 ในนาทีที่ 70
หลังจากนั้นไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้จนหมดเวลาการแข่งขัน จบเกมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านถล่มวีแกน ไป 4-0 ในการพบกันของทั้งคู่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
วันเดียวหลังจากการจวกสื่อสิ่งพิมพ์ในเรื่องการวิจารณ์ที่เกินจริงถึงยุคตกต่ำของปิศาจแดง และเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากสื่อพาดหัวข่าวว่า ‘เฟอร์กี้อารมณ์เสีย’ เซอร์ อเล็กซ์ อาจจะมองว่านี่เป็นชัยชนะส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ แต่ความจริงที่เรียบง่ายก็คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ช่วยให้หนังสือพิมพ์ขายหมดแผงเร็วขึ้นและ ‘วิกฤตที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด’ ก็เป็นเรื่องที่ขายดีมาก โดยสรุปก็คือวิธีการเดียวที่จะโต้ตอบคำวิจารณ์ทั้งหลายได้คือชัยชนะเท่านั้น และปิศาจแดง ก็ทำได้อย่างเด็ดขาดในเกมนัดนี้ (บรรยายเกมโดย DaKinG)
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 67,793 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เวลา 03.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2548
ผู้ตัดสิน อลัน ไวลี่ย์
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
เวส บราวน์ 6
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5 ( น. 30)
แกรี่ เนวิลล์ 2
จอห์น โอเชีย 22
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
ไรอัน กิ๊กส์ 11
พอล สโคลส์ 18
เวย์น รูนี่ย์ 8 ( น. 35, 55)
อลัน สมิธ 14
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10 ( จุดโทษ น. 70)
สำรอง
ทิม โฮเวิร์ด 1
ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์ 26 น. 65 ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7 ( น. 87) น. 70 ไรอัน กิ๊กส์ 11
ปาร์ค จีซุง 13 น. 74 พอล สโคลส์ 18
หลุยส์ ซาฮา 9
วีแกน แอธเลติก
ไมเคิล พอลลิตต์ 12
ไลจ์ตัน เบนส์ 26
ปาสกาล ชิมบงด้า 2
สเตฟาน อองโชซ์ 6
แม็ตต์ แจ็คสัน 4
จิมมี่ บูลลาร์ด 21
อลัน มาฮอน 14
โจซิป สโคโค้ 24
อองรี คามาร่า 7
เดวิด คอนนอลลี่ 22
เจสัน โรเบิร์ตส์ 30
สำรอง
แกรี่ เวล์ช 13
ไรอัน เทย์เลอร์ 19
เกรแฮม คาวาเนจ 11 ( น. 89) น. 45 โจซิป สโคโค้ 24
ลี แม็คคัลลอช 10 น. 74 อลัน มาฮอน 14
แกรี่ ตีล 20
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำประตู 4, ลูกยิงตรงกรอบ 10, ลูกยิงหลุดกรอบ 4, ลูกยิงโดนบล็อค 3, เตะมุม 7, ฟาวล์ 12, ล้ำหน้า 4, ใบเหลือง 1, การครองบอล 54.7%
วีแกน แอธเลติก ลูกยิงตรงกรอบ 2, ลูกยิงหลุดกรอบ 15, ลูกยิงโดนบล็อค 5, เตะมุม 7, ฟาวล์ 8, ล้ำหน้า 1, ใบเหลือง 1, การครองบอล 45.3%
คะแนนความสามารถนักเตะ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 7, แกรี่ เนวิลล์ 9, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 8, เวส บราวน์ 7, จอห์น โอเชีย 7, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 5, พอล สโคลส์ 7, ไรอัน กิ๊กส์ 9, อลัน สมิธ 8, เวย์น รูนี่ย์ 9, รุด ฟาน นิสเตลรอย 7, ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์ (สำรอง) 6, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (สำรอง) 6, ปาร์ค จีซุง (สำรอง) 6
วีแกน แอธเลติก ไมเคิล พอลลิตต์ 9, ปาสกาล ชิมบงด้า 7, แม็ตต์ แจ็คสัน 6, สเตฟาน อองโชซ์ 6, ไลจ์ตัน เบนส์ 7, จิมมี่ บูลลาร์ด 6, โจซิป สโคโค้ 6, อลัน มาฮอน 7, เดวิด คอนนอลลี่ 6, เจสัน โรเบิร์ตส์ 6, อองรี คามาร่า 6, เกรแฮม คาวาเนจ (สำรอง) 6, ลี แม็คคัลลอช (สำรอง) 6
แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เวย์น รูนี่ย์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
Por