สันติ สั่งเร่งแก้กฎหมาย เครดิตบูโร ปลดล็อกบัญชีดำไวขึ้น ไม่ต้องรอถึง 2 ปี
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ในที่ประชุม ครมคำพูดจาก ทดลองใช้ สูตรสล็อต. กระทรวงการคลังได้หารือเกี่ยวกับข้อเสนอของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร ที่เสนอให้สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (นอนแบงก์) เช่น ธุรกิจลีสซิ่ง เช่าซื้อ รวมไปถึงนาโนไฟแนนซ์ และ ฟิโกไฟแนนซ์ เป็นต้น จะต้องเข้าร่วมไปเป็นสมาชิก และส่งข้อมูลลูกค้า ประวัติการผ่อนชำระของผู้ใช้บริการสินเชื่อมาให้เครดิตบูโรได้รับทราบด้วย เพื่อเป็นการขยายฐานข้อมูลในการตรวจสอบ ประเมินสินเชื่อร่วมกับธนาคารพาณิชย์ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการประเมินสินเชื่อในภาพรวม
อย่างไรก็ดี ตนได้มีความเป็นห่วงในบางประเด็น และเสนอให้เครดิตบูโรเร่งแก้ไขกฎหมายควบคู่กันไปด้วย เกี่ยวกับเงื่อนไขการปลดล็อกผู้กู้ที่เคยมีประวัติการขาดผ่อนชำระหรือเป็นหนี้เสีย และติดอยู่ในบัญชีดำให้พ้นออกมาจากบัญชีดำเร็วขึ้น เพราะปัจจุบันเงื่อนไขการปลดพ้นบัญชีดำของเครดิตบูโร ระบุว่า คนที่เคยมีประวัติหนี้เสีย แม้จะมีการปิดบัญชี เคลียร์หนี้สินเสร็จแล้ว จะต้องมีชื่อค้างอยู่ในบัญชีดำต่อไปอีก 2 ปี ซึ่งตรงนี้ส่วนตัวมองว่าไม่เป็นธรรมกับคนกู้เท่าไร และจะเป็นจำกัดให้คนกู้กลับเข้ามาขอกู้เงินในระบบได้ยากขึ้น จึงเสนอไปว่าหากคนที่มีประวัติหนี้เสีย เข้ามาปิดบัญชีเคลียร์หนี้สินแล้ว ก็ควรจะปลดล็อกออกจากบัญชีดำโดยทันทีเช่นกันคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
“ประเด็นนี้น่าเป็นห่วงว่าจะส่งผลกระทบต่อประชาชนระดับกลาง และระดับล่าง อาจทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ที่เคยเป็นหนี้เสีย มีโอกาสกลายไปเป็นหนี้นอกระบบได้มากขึ้นในอนาคต เพราะแม้จะปลดหนี้ได้แล้ว แต่ก็ยังอยู่ในบัญชีดำต่ออีก ไม่สามารถกู้ในระบบได้อีกถึง 2 ปี”
นายสันติ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้ร้องเรียนถึงกรณีการถูกขึ้นบัญชีดำมามากกว่า 1 ล้านราย ซึ่งที่ห่วงหากมีการกักขังชื่อไว้นานถึง 2 ปี แม้จะมีการเคลียร์หนี้สินไปแล้ว จะทำให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่เคยเป็นหนี้เสียจะไม่สามารถไปกู้เงินในระบบได้เลย และอาจต้องหันไปพึ่งหนี้นอกระบบซึ่งมีดอกเบี้ยสูงกว่าแทน โดยมีผลต่อหนี้ครัวเรือนในอนาคตด้วย ส่วนกรณีคนที่มีประวัติผิดนัดชำระ และยังไม่ได้เคลียร์หนี้เลย ก็ยังคงอยู่ในบัญชีดำตามเงื่อนไขเดิม ไม่ได้มีประเด็นอะไร
สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ กระทรวงการคลังจะมีการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อเดินหน้าแก้ระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากเรื่องกฎหมายเครดิตบูโรจะต้องมีการแก้ไขในบางประเด็นอยู่แล้ว หากดำเนินการเรียบร้อยแล้วจะเดินหน้าเสนอ ครม.อนุมัติต่อไป เพื่อเดินหน้าเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยหากทำได้เชื่อว่าจะช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบได้ และทำให้คนสามารถเข้ามาขอสินเชื่ออยู่ในระบบได้ดีขึ้น.