สหรัฐกังวลระบบกฎหมายไทย หลังมีการร้องเรียน “พิธา” ปมถือหุ้นสื่อ-แก้ ม.112

ขณะที่สถานการณ์การเมืองไทยกำลังคุกรุ่นจากการที่รัฐสภาเตรียมลงมติครั้งที่ 2 ในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) เพื่อโหวตว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งได้รับเสียงโหวตจากประชาชนให้มีที่นั่งในสภามากที่สุด จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่

ล่าสุด สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวานนี้ (17 ก.ค.) แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้ สหรัฐฯ กำลังกังวลเกี่ยวกับพัฒนาการของระบบกฎหมายไทย หลังจากมีการร้องเรียน 2 กรณีต่อพิธา ด้วยข้อหาครอบครองหุ้นสื่อ และปมแก้กฎหมายมาตรา 112

รอยเตอร์ระบุว่า พิธาซึ่งต้องการถอดกองทัพออกจากการเมืองและรื้อการผูกขาดทางธุรกิจ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ไม่ได้รับเลือกเป็นนายก ฯ ในการลงคะแนนเสียงครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพราะถูกขัดขวางโดยสมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับการแต่งตั้งโดยกองทัพที่ก่อรัฐประหารในปี พ.ศ. 2557

โหวตนายก : เช็กเสียง 13 ส.ว.เคยหนุน “พิธา” โหวตนายกฯรอบสองทิศทางใด?

8 พรรคร่วมรัฐบาล ดัน "พิธา" ชิงเก้าอี้นายกฯ รอบ 2

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ให้ความเห็นเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับพัฒนาการหลังการเลือกตั้งในประเทศไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรทางทหารที่ยาวนานในภูมิภาคนี้ที่อิทธิพลของจีนกำลังเพิ่มขึ้น

มิลเลอร์ถูกถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย โดยเขากล่าวว่า สหรัฐฯ ไม่ได้มีผลการเลือกตั้งที่ต้องการเห็นในใจ แต่สนับสนุนกระบวนการที่สะท้อนถึงเจตจำนงของคนไทย

“เรากำลังเฝ้าดูพัฒนาการหลังการเลือกตั้งของไทยอย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึงพัฒนาการล่าสุดในระบบกฎหมาย ซึ่งน่าเป็นห่วง” มิลเลอร์กล่าว โดยหมายความถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องพิจารณากรณีพิธาและพรรคก้าวไกลต้องการเดินหน้าแก้กฎหมายมาตรา 112 และกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นเรื่องตัดสิทธิ์พิธาเนื่องจากการถือครองหุ้นในบริษัทสื่อ ซึ่งผิดกฎหมายการเลือกตั้ง

กรณีดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่า ศาลอาจตัดสิทธิ์ทางการเมืองของพิธา รวมถึงอาจยุบพรรคก้าวไกล เหมือนที่เคยเกิดกับพรรคอนาคตใหม่ในปี พ.ศ. 2563คำพูดจาก สล็อต888

 สหรัฐกังวลระบบกฎหมายไทย หลังมีการร้องเรียน “พิธา” ปมถือหุ้นสื่อ-แก้ ม.112

เมื่อถูกขอให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้เหล่านั้น มิลเลอร์กล่าวว่า “เราจะไม่คาดเดาว่าเราจะตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นได้อย่างไร” แต่ย้ำว่า การพัฒนาล่าสุดในประเทศไทยเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง

เรียบเรียงจาก Reuters

ภาพจาก AFP